Oxidative stress ตัวการความเเก่

บ่ายแล้ว ๆ ไปซื้อกาแฟมาจิบเบา ๆ สักแก้วดีกว่า...เป็นข้อความจาก #สุดหล่อคอเหล้า เพื่อนสมัยมัธยมเจ้าเดิมของหมอหล่อ ส่งข้อความเข้ามาทักทาย เชิงเชิญชวนเพื่อน ๆ ในกรุ้ปไลน์... หมอหล่อเลยส่งข้อความกลับเข้าไปว่า ...วันนี้แก้วที่เท่าไร ? มันตอบว่า แก้วที่ 2 ทำไมหรอมันเยอะเกินไปหรอไอ้หมอหล่อ ที่ออฟฟิตใคร ๆ ก็กินเช้า กินบ่าย กันทั้งนั้นแร่ะ เป็นเรื่องปกติ มึง อย่ามา เยอะ !! 


หมอหล่อ นั่งหน้าชาอยู่แปบนึงครับ จึงรวบรวมสติและความกล้า เล่าให้สุดหล่อฟังว่า...
รู้ไหมทุกวันนี้ ที่คนเราอ้วนขึ้น ๆ อยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เราแทบไม่ค่อยได้กินอาหารประเภทที่มีไขมันเยอะเลย มันเกิดจาก “เรากินน้ำตาลกันมากเกินไป” โดยเฉพาะเจ้าน้ำตาลที่แฝงตัวอยู่ในเครื่องดื่มยอดนิยมที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้แร่ะ ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือ แม้กระทั่งเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็ตาม ซึ่งพวกนี้แร่ะเค้าเรียกชื่อเท่ห์ ๆ ว่า “Calorically sweetened beverages” รู้ไหมว่า ในเครื่องดื่มประเภทนี้มีน้ำตาลอะไรแฝงอยู่ ?

คำตอบคือ High Fructose Corn Syrup (HFCS) นั่นเอง ซึ่งทางอเมริกานะ เค้าตื่นตัวกันมากในเรื่องนี้ แต่ยังไงก็ตามคนอเมริกันเกือบครึ่งก็ยังอ้วนอยู่ดี เพราะน้ำตาลชนิดนี้มันราคาถูกมากกว่าน้ำตาลทรายหรือ Sucrose ที่เรารู้จักกันดี จึงถูกนำมาใช้ในการเพิ่มรสชาติในอาหาร เครื่องดื่มเกือบทุกประเภท


อ้าวแล้วมันไม่ดีไงล่ะ ดูชื่อก็เป็น Fructose นิ น่าจะมาจากธรรมชาติ มาจากผลไม้อะไรแบบนี้ไหม ? สุดหล่อยิงคำถาม


อ่อ HFCS น่ะ ทำมาจากข้าวโพด มันมีอยู่ 2 แบบ (เท่าที่ได้อ่านมานะจ่ะ) คือ HFCS 42 % กับ HFCS 55 % ซึ่งก็คือ % ของน่้ำตาล Fructose ปกติเราก็ได้น้ำตาลชนิดนี้จากผลไม้ที่กินนะ ตกวันละประมาณ 15 กรัม/วัน แต่ถ้าเรากิน HFCS ประจำก็ปาเข้าไปที่ประมาณ 73 กรัม/วันเชียวล่ะ


รู้ไหมพลังงานโดยเฉลี่ยของกาแฟใส่นม ชาเขียว หรือ เครื่องดื่มพวกนี้ตกอยู่ที่ประมาณ 300-400 Kcal/แก้วเชียวนะ ส่วนปริมาณ HFCS จะมากน้อยก้ขึ้นอยู่กับรสนิยมความหวานของแต่ละคน สรุปแล้วก็ใกล้เคียงข้าว 1 จานดีๆ นี้เอง...น้ำตาล Fructose นี้มันร้ายนัก มันทำตัวไม่เหมือนน้ำตาล Glucose ที่พอเรากินเข้าไป ระดับน้ำตาล Glucose ที่สูงขึ้นในเลือดจะไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดและในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนอินซูลินก็จะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากเซลล์ไขมัน มีหน้าที่ส่งสัญญาณบอกสมองว่า พอแล้ว อิ่มแล้ว หยุดกินซ่ะ !! เราก็จะอิ่มและหยุดกิน...
แต่...Fructose นี้พอกินข้าวไปก็จะวิ่งไปที่ตับ บางส่วนก็เปลี่ยนเป็น Glucose แต่ส่วนใหญ่ถ้ามีปริมาณมากจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน !! ทั้งกรดไขมันอิสระ คลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ นอกจากนี้ตัวมันเองยังไม่กระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอีกด้วยนะ แถมไปทำให้การหลั่งฮอร์โมนเลปตินลดลงอีกด้วย...ผลที่ตามมา คือ กินไม่ยั้งครับ มีไขมันสะสมที่ตับ ตามหน้าท้อง (พุง) แขน ขา มากขึ้น น้ำหนักตัวขึ้นและนำไปสู่โรคยอดนิยมในยุคปัจจุบัน ก็คือ โรคอ้วนนั่นเอง...

โอ้ยยย ยาวมากขี้เกียจอ่านโว้ย !!! สุดหล่อขอบ่น
สรุปให้อย่างย่อที่สุดแล้ว หมอหล่อขอ complaint


จะว่าไป ไขมัน ความอ้วนก็ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ปัจจัยใด ปัจจัยหนึ่งนะ ยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นสาเหตุได้...
...โลกยุคนี้มันอยู่ยากจริง...แต่ถ้าเรามีสติ มีความรู้ รู้เท่าทันตนและคนอื่น เราก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่ดีอย่างแน่นอน





ที่มาจาก : หมอหล่อคอเล่า

Oxidative stress ตัวการความเเก่

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์