เบื้องหลัง Lovers Knot Tiara สมบัติชิ้นเดียวของเจ้าหญิงไดอาน่า

หลังจากหย่าร้างจากมกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ อย่างเจ้าฟ้าชายชาลส์อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ปี 1996 ไดอาน่า สเปนเซอร์ ได้สูญเสียฐานันดรศักดิ์ที่มีทั้งหมด เหลือคงไว้เพียงตำแหน่ง "เจ้าหญิงแห่งเวลส์" ในฐานะของผู้เป็นมารดาขององค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์อังกฤษทั้ง 2 พระองค์อย่าง เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่เท่านั้น อีกทั้งไดอาน่ายังได้รับเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดำรงชีพจากเจ้าชายชาลส์หลังการหย่าร้างครั้งนี้จำนวน 17 ล้านปอนด์ พร้อมเงินรายปีจำนวน 400,000 ปอนด์ต่อปี นอกจากนี้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังมีพระบรมราชานุญาติให้ไดอาน่าสามารถพำนักอยู่ที่พระราชวังเคนซิงตันได้เช่นเคย และยังมีสิทธิ์ในอัญมณีต่างๆ ยกเว้นก็เพียงแค่ Cambridge Lover's Knot Tiara เท่านั้น...

เทียร่า หรือรัดเกล้า นับเป็นเครื่องประดับศีรษะของสมาชิกราชวงศ์ และสมาชิกราชนิกุลชั้นสูง ใช้ประดับเพื่อบ่งสถานะทางสังคมตั้งแต่ในยุคโบราณ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในรัดเกล้าจำนวนมาก อันเป็นพระราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นั้น รัดเกล้าที่ได้รับการกล่าวขานมาอย่างยาวนานก็เห็นจะหนีไม่พ้น Cambridge Lover's Knot Tiara ที่แท้จริงแล้วองค์ที่เราเห็นในปัจจุบันนี้เป็นองค์จำลองที่ถูกทำเลียนแบบขึ้นมาใหม่เท่านั้น โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 1913

โดยราชินีแมรี่ ราชินีในกษัตริย์จอร์จที่ 5 ผู้ซึ่งมีความโปรดปราน ในรัดเกล้า Lover's Knot Tiara องค์จริงเป็นอย่างมาก นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์รัดเกล้าองค์จำลองนี้ขึ้นมา ทรงสั่งสั่งให้บริษัทจิวเวอร์รี่เก่าแก่ ขึ้นชื่อของอังกฤษอย่าง Garrard & Co. สร้างองค์รัดเกล้าเลียนแบบขึ้นมาใหม่ โดยใช้ไข่มุกและเพชร จากคอลเล็กชั่นส่วนพระองค์เอง

ย้อนกลับไปบนหน้าประวัติศาสตร์ราชวงศ์ รัดเกล้านามว่า Lover's Knot Tiara องค์จริงนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แด่ เจ้าหญิงออกัสตา แห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล หรือดัชเชสของเคมบริดจ์ ในวันอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอดอลฟัส หรือดยุกแห่งเคมบริดจ์ ในปี คศ.1818 โดยในบันทึกประวัติศาสตร์มีการบรรยายตัวรัดเกล้าองค์นี้ไว้ว่า เป็นการออกแบบในสไตล์ นีโอ-โกธิค หรือ Gothic Revival ซึ่งเป็นการฟื้นฟูศิลปะแบบโกธิค ที่เป็นกระแสนิยมกันในยุคนั้น

อีกทั้งยังมีจุดเด่นสำคัญที่สะกดสายตาใครหลายคนมาแล้วอย่าง ไข่มุกขนาดใหญ่ทั้งหมด 38 เม็ด โดย 19 เม็ดได้รับการประดับ และตกแต่งอยู่บนส่วนยอดของรัดเกล้า และอีก 19เม็ด ถูกประดับแขวนห้อยเรียงลงมาตามช่วงโค้งขององค์รัดเกล้า ซึ่งการออกแบบดังกล่าวยังมีนัยยะสื่อถึง ความรัก ความสื่อสัตย์ และมิตภาพที่ไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่รัดเกล้าองค์จริงจะถูกส่งต่อให้กับ The Grand Duchess of Mecklenburg-Strelitz ต่อไป