เปิดที่มา ผ้าเข้มขาบ ชุดเครื่องแบบข้าราชที่คุณหลวงใส่ ไม่ใช่ธรรมดา
หน้าแรกTeeNee เพื่อผู้หญิงทันสมัย แฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องประดับ เปิดที่มา ผ้าเข้มขาบ ชุดเครื่องแบบข้าราชที่คุณหลวงใส่ ไม่ใช่ธรรมดา
ป้าแจ๋ว ยุทธนา ผู้จัด และผู้กำกับละคร #คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์ ได้ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของ ผ้าเข้มขาบ ที่หลวงทุกขราษฎร์ใส่บ่อยๆ
โดยครูไก่ Surat Jongda ค้นคว้าและออกแบบชุดเครื่องแบบของข้าราชการในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ให้กับ พ่อฉายและพ่อเผือก ให้คุณหลวงทั้งสองใส่เสื้อที่ตัดด้วยผ้าที่ได้รับพระราชทานมา เป็นผ้าเข้มขาบ ผ้าเข้มขาบคือผ้าชนิดใด
#ผ้าเข้มขาบ เป็นผ้าทอที่มาจากประเทศอินเดีย ทอด้วยไหมทอง คือ เอาเงินแผ่บางกะไหล่ทอง แล้วหุ้มเส้นไหมกับไหมสียกเป็นลายริ้ว เป็นลายทองกับลายพื้นเท่ากันและบางทีมีไหมเงินทอแซมด้วย ในภาษาเปอร์เซียมีคำว่า Kimkhab แปลว่าผ้าทอง ผ้าเข้มขาบนี้จะเห็นเป็นริ้วเล็กทั้งผืนริ้ว มีขนาดกว้างตั้งแต่ ๑.๕-๓ เซนติเมตร มีทั้งริ้วสีทองพื้นๆ กับริ้วที่มีพื้นสีเข้มๆ เช่น สีน้ำเงินอมเขียว สีชมพูอมแดง แล้วยกดอกในริ้วด้วยลายเครือเถา แต่ละแนวริ้วเดินด้วยเส้นไหมสีทอง มีลักษณะลาย คือ ผ้าเข้มขาบลายดอกสะเทิน ผ้าเข้มขาบลายก้านแย่ง และผ้าเข้มขาบริ้วขอ ในภาษาเปอร์เซียมีคำ KimKhwa หมายถึง ผ้าไหมยกดอกหลายสี
การใช้ผ้าชนิดต่างๆ เป็นเครื่องแต่งกายนั้น เดิมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คงมีอยู่ระยะหนึ่งที่มีระเบียบเคร่งครัดว่า คนชั้นไหนใช้ผ้าชนิดใดได้บ้าง หรือชนิดไหนใช้ไม่ได้
ต่อมาระเบียบนี้ละเว้นไปไม่เคร่งครัด จึงปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ โปรดให้ออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการแต่งกาย การใช้ผ้าบังคับและห้ามไว้ใหม่อีก ครั้งหนึ่ง ดังความปรากฏว่า
"...ธรรมเนียมแต่ก่อนสืบมาจะนุ่งผ้าสมปักท้องนาก และใส่เสื้อครุยกรองคอ กรองต้นแขน กรองปลายแขน จะคาดรัดประคดหนามขนุน ได้แก่ มหาดไทย กลาโหม จุสดมภ์ แลแต่งบุตรแลหลานขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย ได้แต่ เสมา แลจี้ภคจั่นจำหลักประดับพลอย แต่เพียงนี้ แลทุกวันนี้ ข้าราชการผู้น้อยนุ่งห่มมิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ผู้น้อยก็นุ่งสมปักปูมท้องนาก ใส่เสื้อครุยกรองคอ กรองสังเวียน กรองสมรศ คาดรัดประคด หนามขนุน กั้นร่มผ้าสีผึ้ง กลตาไปจนตำรวจเลว แลลูกค้าวณิชกั้นร่มสีผึ้ง แล้วแต่งบุตรหลานเล่า ผูกลูกประหล่ำจำหลักประดับ พลอย สามเข็มขัดมีดอกประจำยาม เข้าอย่างต้องห้าม เกินบรรดาศักดิ์ผิดอยู่ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ให้ข้าราชการแลราษฎรทำตามธรรมเนียมแต่ก่อน ครั้งนี้โปรดเกล้าฯ ให้แต่ขุนนางผู้ใหญ่กั้นร่มผ้าสีผึ้ง คาดรัดประคดหนามขุน ห้ามอย่าให้ข้าราชการผู้น้อยใส่เสื้อครุยกรองคอ กรองสังเวียน กรองสมรศ คาดรัดประคนหนามขนุน นุ่งสมปัก ท้องนาก สายเข็มขัดอย่าให้มีดอกประจำยาม กั้นร่มผ้าสีผึ้ง ใส่เสื้อครุยได้แก่ กรองปลายมือ จะแต่งบุตรแลหลาน ก็ให้ใส่แต่ จี้เสมาภควจั่นจำหลักประดับพลอยสีแดงเขียว แต่เท่านี้ อย่าได้ประดับเพชรถมยาราชาวดี ลูกประหล่ำเล่า ก็ให้ใส่แต่ลายแทงแลเกลี้ยง เกี้ยวอย่าให้มีกระจังประจำยามสี่ทิศ แลอย่าให้ใส่กระจับปิ้งพริกเทศ ทองคำ กำไลทองคำใส่เท้า อย่าให้ข้าราชการผู้น้อยและราษฎรกั้นร่มผ้าสีผึ้ง และกระทำให้ผิดด้วยอย่างธรรมเนียม เกิดบรรดาศักดิ์เป็นอันขาดทีเดียว แลห้าม อย่าให้ช่างทองทั้งปวงรับจ้าง ทำจี้ เสมา ภควจั่นประดับเพชรถมยา ราชาวดี ประดับพลอย ห้ามมิให้ซื้อขายเป็นอันขาดทีเดียว...."
จากพระราชบัญญัตินี้จะเห็นได้ว่า การใช้ผ้าหรือเครื่องประดับก็ดี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงเป็นการใช้ผ้าตามฐานะ รวมถึงเป็นการบอกบรรดาศักดิ์ตามตำแหน่งหน้าที่การงาน และตามสกุลด้วยผ้า ในสมัยนี้คงใช้สืบต่อแบบเดียวกับที่ใช้ในสมัยอยุธยา