เจาะดีเทล ชุดไทยประยุกต์ เบลล่า สะท้อนภูมิปัญญาทอผ้าเมืองอุบลฯ

เบลล่า ราณี อวดลุคหวานละมุนในชุดไทยประยุกต์สีฟ้าอ่อน ขึ้นขบวนแห่เทียนพรรษาในงานประเพณีแห่เทียน 124 ปี จ.อุบลฯ ปี 2568 ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น แฟนๆ แห่ต้อนรับแน่นขบวน

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Pakin Pakin Sakunwattanakasem ได้ออกมาเผยเรื่องราวชุดไทยที่เบลล่าสวมใส่ว่า

ชุด "นารีศรีวนาลัย" รังสรรค์ขึ้นเพื่อเชิดชูชื่อพระราชทาน "อุบลราชธานีศรีวนาลัย" ซึ่งหมายถึง "ดงอู่ผึ้ง" สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านการออกแบบที่ผสมผสานความสง่างามของสตรีเข้ากับคุณค่าของผืนป่าและสายน้ำ
แรงบันดาลใจและแนวคิดหลัก

แนวคิดหลักของชุดมาจากนามพระราชทาน "ศรีวนาลัย" ที่สื่อถึงความเขียวชอุ่มของป่าไม้ และ "ดงอู่ผึ้ง" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความหวานชื่น ชุดนี้จึงเปรียบเสมือนภาพแทนของ "ธานีแห่งราชะ ศรีสง่าแห่งไพรพฤกษ์" โดยสะท้อนผ่านองค์ประกอบและเทคนิคงานฝีมืออันประณีต
การประยุกต์ต้นทุนทางวัฒนธรรมในการออกแบบ
ท่อนบน: สายน้ำแห่งชีวิต

แนวคิด เปรียบเสมือน "สายแม่น้ำโขง ชี มูล" อันเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวอุบลฯ
การออกแบบ รูปทรงของท่อนบนถูกออกแบบให้มีความพริ้วไหว โค้งมน คล้ายคลื่นน้ำที่อ่อนโยน ใช้ผ้าสีฟ้าครามหรือสีน้ำทะเลที่สะท้อนถึงความสงบนิ่งและบริสุทธิ์ของสายน้ำ การจับเดรปหรือการสร้างเลเยอร์ของผ้าช่วยเพิ่มมิติและสื่อถึงการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำ
การตกแต่ง: ผืนป่าและอู่ผึ้งแห่งอุบลฯ

แนวคิด "ปีกแมลงทับประดิษฐ์เป็นใบไม้" และ "ผึ้งปักดิ้นทองแล่งทอง"
การออกแบบ นำวัสดุธรรมชาติอย่าง "ปีกแมลงทับ" มาประดิษฐ์เป็นรูปทรง "ใบไม้" สีเขียวมรกต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและ "สามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก)" อันเลื่องชื่อของอุบลฯ ส่วน "ผึ้ง" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "ดงอู่ผึ้ง" ถูกรังสรรค์ขึ้นจากการปักด้วย "ดิ้นทองแล่งทอง" ที่ให้ประกายระยิบระยับเกาะอยู่บนใบไม้ สะท้อนความสมบูรณ์และคุณค่าอันล้ำค่าของทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาการประดิษฐ์งานฝีมือชั้นสูง
เครื่องประดับ : ความเรืองรองแห่งวัฒนธรรม

แนวคิด เปรียบเสมือน "ความเรืองรองของจังหวัดอุบลราชธานี" ที่มีวัฒนธรรม ประเพณี และทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่า

การออกแบบ เลือกใช้เครื่องประดับสีทอง ผสมผสานกับอัญมณีสีเขียวมรกต สีทองสื่อถึงความมั่งคั่งทางประเพณีและพุทธศาสนาอันรุ่งเรือง ส่วนมรกตเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์ของป่าไม้ เครื่องประดับได้รับการออกแบบอย่างประณีต อาจมีการนำลวดลายโบราณหรือสัญลักษณ์ประจำจังหวัดมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์
ผ้านุ่ง: ภูมิปัญญาผ้ากาบบัว

แนวคิด นำ "ผ้ากาบบัว" ซึ่งเป็นผ้าทอขึ้นชื่อของจังหวัดอุบลราชธานีมาใช้เป็นผ้านุ่ง

" ศรีวารี "
: แม่น้ำอันเต็มเปี่ยมด้วยความเป็นศรีมงคลยิ่ง
: แม่น้ำมูล ไหลพาดผ่านจังหวัดอุบลราชธานี ดังคำเปรยของสายน้ำที่ว่า " โขงสีปูน มูลสีคราม " จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจของการให้สีผลงานชิ้นนี้ในเฉดสีเทาครามทอง เสมือนดังสายน้ำฉ่ำเย็นต้องด้วยแสงแดดอันแวววาวประกายสีทองสุก

ผ้ากาบบัว : ผ้าไหมทอมืออันเป็นเอกลักษณ์
ประจำจังหวัดอุบลราชธานี

เทคนิคการทอของผลงานศรีวารี
- เครือทิวสองสี
- มัดหมี่
- มับไมหางกระรอก ( ไหมตีเกลียวสองสี )
- ยกขิดลายสร้อยผักแว่นคำ
- จกเชิงผ้าด้วยไหมคำลายกรวยเชิงหย่อง

: ลายมัดหมี่เป็นการมัดลายลูกแก้วแบบไล่ระดับจากลายเล็กเป็นลายใหญ่ช่วงเชิงผ้า เสมือนดั่งสายน้ำลำธารสายน้อยหลากสายไหลรวมกลายเป็นแม่น้ำสายหลักอันยิ่งใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของสรรพสิ่งสืบมา

: ยกขิดลายสร้อยผักแว่นคำ เป็นตัวแทนแห่งรากเหง้าของภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาในวัฒนธรรมการทอผ้า พบได้ในทุกพื้นที่ คือ ลายผักแว่น

: ตีนกรวยเชิงหย่อง จกด้วยไหมคำ เป็นลายที่ได้ออกแบบขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยโครงสร้างเดิมของตีนตวยเมืองอุบลราชธานีเป็นลวดลายโบราณ เพื่อให้คงกลิ่นไอของความดั้งเดิมและกลิ่นไอแบบใหม่ตามยุคสมัย

: หัวจกดาว เอกลักษณ์ของความงดงามแห่งผ้าทอเมืองอุบลราชธานี ที่ยังคงสืบสานให้คงอยู่กับผลงานผ้าทอทุกชิ้น

: จึงนับได้ว่า " ศรีวารี " คือผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ชีวิตผู้คน แรงกายแรงใจ ธรรมชาติ และถูกทอขึ้นมาเพื่อส่งต่อซึ่งความงดงามแห่งงานศิลปะอันทรงคุณค่าให้ประจักษ์แก่สายตาสืบไป

ออกแบบโดยตัดเย็บโดย DESIGNgallery