เผยทริคแต่งหน้า เมแกน มาร์เคิล ให้เห็นกระ แต่ผิวยังดูสวย

เป็นที่ทราบกันดีว่า เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ทรงแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ซึ่งเผยให้เห็นกระบนพระพักตร์ และไม่ทรงคิดจะปกปิด ซึ่ง แดเนียล มาร์ติน ช่างแต่งหน้าประจำพระองค์เผยว่า มีทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการลงรองพื้นให้ใบหน้าดูกระจ่างใส แต่ไม่ปกปิดส่วนที่ต้องการเผย เช่น กระ ซึ่ง HELLO! มีคำตอบ

เทคนิคแต่งหน้าเผยกระ จากช่างแต่งหน้าของ เมแกน มาร์เคิล

หากจะแต่งหน้าเผยผิว การเลือกลงรองพื้นให้เหมาะกับสีผิวจริงนั้นคือกุญแจสำคัญ แดเนียลบอกว่า "หากมีรอยแดง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในบริเศรทีโซนและรอบๆ จมูก ให้เลือกรองพื้น หรือคอนซีลเลอร์สีเดียวกับรอบดวงตา ซึ่งผมจะใช้ Blending Brush ค่อยๆ วนรอบๆ บริเวณสีผิวที่ต้องการปกปิด" ซึ่งรองพื้นที่มีน้ำเป็นเบส จะเหมาะกับการปกปิดแบบบางเบามากที่สุด ซึ่งหลังจากทำสีผิวให้สม่ำเสมอแล้ว บริเวณกระที่ต้องการจะเผยนั้น ก็จะไม่ทารองพื้นทับให้หนา จากนั้นจึงทาแป้งฝุ่น เพื่อให้ใบหน้าดูนวลเนียน และนี่คือเทคนิคในการแต่งพระพักตร์ในวันอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสเมแกน

"ฉันส่องกระจกและเห็นกระของตัวเองมาตลอด 35 ปี" ดัชเชสเมแกนทรงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ และเจ้าชายแฮร์รี่ก็ทรงโปรดกระบนพระพักตร์ของเมแกนด้วยเช่นกัน แดเนียลบอกว่า "เจ้าชายแฮร์รี่ทรงขอบใจผม ทรงบอกว่าผมแต่งให้ดัชเชสเมแกนดูเป็นตัวของพระองค์เองมาก"

ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ไม่ทรงโปรดการแต่งหน้าแบบปกปิดเนียนกริบ พระองค์ทรงโปรดกระบนพระพักตร์ของพระองค์เอง และทรงมั่นใจที่จะเผยพระพักตร์ที่มีกระ อีกทั้งยังทรงโปรดการแต่งพระพักตร์แบบที่เป็นธรรมชาติ จึงไม่ทรงทาลิปสติกสีแดงให้เห็นเท่าไรนัก "การทาลิปสติกสีแดงมันเสี่ยง" พระองค์เคยตรัสไว้ เพราะนอกจากจะดูไม่ถูกกาลเทศะในฐานันดรแล้ว ยังยากต่อการแต่งพระองค์ในการทำพระองค์กรณียกิจต่างๆ ด้วย แต่หลังจากนี้เราอาจจะเห็นพระองค์ลองทาลิปสติกสีแดงมากขึ้นก็ได้ เพราะพระองค์ก็มักจะแต่งพระพักตร์เองบ่อยๆ

สรุปแล้ว หัวใจสำคัญในการแต่งหน้าแบบเผยผิวนั้น เพียงแค่ใช้รองพื้นแบบ Water Base เป็นหลักในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยใช้แปรงค่อยๆ ทารองพื้นในบริเวณที่ต้องการ คือรอยแดงต่างๆ ส่วนบริเวณหน้าแก้มนั้นให้ลงรองพื้นให้บางที่สุด เพื่อไม่ให้บดบังกระที่ต้องการเผยให้เห็น จากนั้นจึงทาแป้งฝุ่นทับ เพื่อให้ผิวดูนวลเนียน เมื่อประกอบกับการแต่งหน้าโทนสีนู้ดธรรมชาติ ก็จะทำให้ใบหน้าดูสวยเปล่งประกาย

เครดิตแหล่งข้อมูล : th.hellomagazine.com